เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2560 นายทองดี จอมวงค์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง
ได้เข้าร่วมประชุม เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ 2561 ตามที่รัฐบาลโดยการนำของท่าน
นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ความสำคัญในการขจัดปัญหาหมอกควันและไฟป่าในประเทศและในระดับภูมิภาคอาเซียน โดยมีพลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานการประชุมเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ 2561 ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง
พลเอก สุรศักดิ์ มอบนโยบายเพื่อให้เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าละหมอกควันภาคเหนือ ปี 2561ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ชัดเจน และบูรณาการแบบไร้รอยต่อ ภายใต้บทนำของกระทรวงมหาดไทย (มท.) กองทัพบก กระทรวงเกษตรสหกรณ์ (กษ.) และ ทส. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ พร้อมทั้งสั่งการให้เร่งเตรียมการป้องกันและลดการเกิดไฟป่าและการเผาในพื้นที่ป่า ในระดับพื้นที่ โดยระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และเครือค่ายอาสาสมัครเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงเพื่อลาดตระเวน พร้อมทำความเข้าใจกับประชาชนก่อนเกิดไฟ ในส่วนการประชาสัมพันธ์ นอกจากจะสร้างความรู้ความเข้าใจในระดับต่างๆแล้ว ยังให้ความสำคัญของการประณามผู้จุดไฟ เพื่อหยุดยั้งการเกิดไฟ รวมทั้งการสร้างความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน ในระดับภูมิภาคอีกด้วย

นอกจากนี้ นางสุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่าการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ในปี 2560 นับเป็นความสำเร็จของการบูรณาการแก้ไขปัญหา มีกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ โดยมีกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงสาธารณสุข ในการสนับสนุนมาตรการหลักมุ่งเน้นการลดการเกิดไฟที่ต้นเหตุ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มผู้เผา โดยระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วนทั้งภารัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน
ในปี 2561 จะสนับสนุนข้อมูลประกอบการตัดสินใจของจังหวัดในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน โดยเฉพาะข้อมูลคุณภาพอากาศจาก 17 สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศครอบคลุม 9 จังหวัดภาคเหนือ และจัดส่งหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่มาตรวจวัดตลอดช่วงวิกฤตหมอกควันแบบ Real-time ได้จากแอพพลิเคชั่นบน smartphone ในชื่อ air4thai หรือ ผ่านทางเว็บไซต์ air4thai.pcd.go.th