อบจ.ลำปางร่วมสร้างแกนนำสุขภาพ เด็กและเยาวชนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน

จับมือสาธารณสุขจังหวัดลำปางจัดอบรมภายใต้โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (TO BE NUMBER ONE)

วันที่ 15 ธันวาคม 2565 องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปางร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปางจัดโครงการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ภายใต้โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (TO BE NUMBER ONE) ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง

โดยเวลา 09.00 น. นางสาวตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร นายก อบจ.ลำปาง ได้มอบหมายให้นายวราวุฒิ หน่อคำ รองนายก อบจ.ลำปาง เป็นประธานเปิดโครงการฯ โดยนางวิชนันท์ จุลบุตร ผอ.กองสาธารณสุข กล่าวรายงาน ผู้เข้ารับการอบรมประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัดสถานีตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง 17 แห่ง กำนันทุกตำบล ประธาน อสม.ในเขตตำบล/หมู่บ้าน และ อปพร.หมู่บ้านที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูง 7 อำเภอ รวมจำนวน 220 คน ซึ่งได้รับการสนับสนุนวิทยากรจากทีมกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติดโรงพยาบาลลำปาง

เพื่อสร้างแกนนำสุขภาพ เด็กและเยาวชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ปลูกจิตสำนึกและสร้างกระแสนิยมที่เอื้อต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และการจัดการแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดผ่านชมรม TO BE NUMBER ONE ของจังหวัดลำปาง

โดยปัญหายาเสพติดยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญและต้องเร่งรัดในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนซึ่งเป็น

เป้าหมายของผู้ค้ายาเสพติด ดังนั้น การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

กลุ่มเป้าหมายเยาวชน จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ จากข้อมูลผู้เข้ารับการบำบัดรักษา ยาเสพติดโดยวิธีสมัครใจในสถานบริการของรัฐ ในจังหวัดลำปางปี 2564 พบว่าผู้เข้ารับการบำบัดส่วนใหญ่ อยู่ในช่วงอายุ 18 - 24 ปี (ร้อยละ 23.36) ช่วงอายุ 35 - 39 ปี (ร้อยละ21.50) และช่วงอายุ 25 - 29 ปี (ร้อยละ 19.16) ซึ่งกลุ่มผู้เสพ ผู้ติดจะอยู่ในชุมชนโรงเรียน และสถานประกอบการ ซึ่งการจัดการด้านการปราบปรามและการบำบัดรักษาเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา

โดยกิจกรรมในโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE มุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาความเข้มแข็งของเยาวชนที่เป็นสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE ในทุกพื้นที่ ตั้งแต่สถานศึกษา สถาน

ประกอบการในชุมชน สถานพินิจฯ เรือนจำ ทัณฑสถานสถานบำบัดพิเศษลำปาง อีกทั้งยังช่วยขยายผลการการจัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE ในวงกว้างเพิ่มขึ้นในอนาคต จึงเป็นการช่วยลดระดับความรุนแรงของปัญหายาเสพติดในจังหวัดลำปางให้ลดน้อยลง และสามารถควบคุมไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน